กว่าจะเป็นอิฐมวลเบา

กว่าจะเป็นอิฐมวลเบา ปัจจุบันนี้ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการต่อเติมบริเวณบ้านมากขึ้นและอิฐมวลเบาคือตัวเลือกต้น ๆ ที่ผู้รับเหมานำมาใช้ หากดูจากลักษณะภายนอก อิฐมวลเบาแต่ละแบบมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้ง ๆ ที่ราคาและคุณภาพไม่ได้ใกล้กันเลย โดยคุณภาพจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการผลิตที่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ประกอบด้วยระบบที่ไม่มีการอบไอน้ำด้วยความดันสูง และ ระบบอบไอน้ำด้วยความดันสูง

ทั้งนี้ ระบบที่ไม่มีการอบไอน้ำด้วยความดันสูง ยังสามารถแตกออกได้อีก 2 ประเภท โดยประเภทแรกจะเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่ามาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็น ขี้เถ้า ขี้เลื่อย เม็ดโฟม หรือแม้แต่ชานอ้อย ซึ่งวัสดุประเภทนี้ แม้จะมีข้อดีที่ช่วยให้คอนกรีตมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่กลับมีอายุการใช้งานที่สั้นและเปลี่ยนสภาพค่อนข้างไว อีกทั้งผู้อยู่อาศัยอาจจะเสี่ยงได้รับสารพิษอีกด้วย ส่วนแบบที่สองนั้น จะเลือกใช้สารเคมีเพื่อให้เนื้อสัมผัสของคอนกรีตพองขึ้นก่อนแล้วปล่อยไว้ให้เซตตัว จึงส่งผลกระทบต่อตัวคอนกรีตเพราะจะหดตัวสูงกว่า เมื่อนำไปฉาบปูนก็จะพบรอยแตกร้าวอยู่บ่อยครั้ง ไม่คงทน ดังนั้น คอนกรีตส่วนใหญ่ที่ใช้กระบวนการผลิตลักษณะนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์จึงออกเป็นสีคล้ายปูนซีเมนต์ ตรงกันข้ามกับคอนกรีตใช้ไอน้ำเป็นส่วนหนึ่งในการผลิต เพราะแบบนั้นจะได้เนื้อผลิตภัณฑ์ในรูปผลึกสีขาว

ส่วนการผลิตวิธีอบไอน้ำจากความดันสูงนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ แบบแรกเป็นการนำปูนขาวมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งการผลิตแบบนี้ควบคุมการผลิตไม่ได้ง่าย ๆ ส่งผลให้คุณภาพคอนกรีตไม่คงที่และน้ำยังดูดซึมมากอีกด้วย ข้อบกพร่องที่มักจะพบก็คือ การดูดซึมความชื้นจากปูนฉาบทำให้ผนังแตกร้าวได้ ถัดมาในแบบที่สอง จะเลือกปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ข้อดีของอิฐมวลเบากลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คอนกรีตมีมาตรฐานคงที่เท่านั้น แต่ยังช่วยเรื่องการตกผลึกภายในเนื้อคอนกรีต ซึ่งช่วยให้คอนกรีตมีความแข็งแกร่ง ทนทาน มากกว่าอิฐมวลเบาลักษณะอื่น

Login