อิฐมวลเบาราคา

อิฐมวลเบาราคา ถูกกว่า ประหยัดกว่า คุณภาพของบ้านจะดีแค่ไหนหรือจะสามารถประหยัดพลังงานได้ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการสร้างและวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้าน พร้อมไปด้วยความชำนาญของช่าง ที่เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติ คุณภาพของบ้าน ที่สร้างขึ้นมาด้วยอิฐมวลเบาจะมีน้ำหนักที่น้อยกว่า โดยในผนังที่หนา 10 ซม. ที่เมื่อรวมกับวัสดุปูนก่อฉาบก็มีน้ำหนักอยู่ที่ 12 ซม. เท่านั้นในขณะที่อิฐมอญตามความหนาเท่ากันให้น้ำหนักที่สูงกว่าถึง 180 ซม. ซึ่งน้ำหนักของทางอิฐมอญจะมากกว่า ทำให้ต้องเตรียมโครงสร้างเพื่อรับน้ำหนักในส่วนนี้ และทำให้ต้นทุนของโครงสร้างเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ อิฐมวลเบาราคา ที่น่าสนใจกว่า และทำให้ต้นทุนในการสร้างน้อยลงอีกด้วย อิฐมวลเบาราคา จะอยู่ที่ก้อนละ 14.25 บาท ในราคาหน้าโรงงาน ซึ่งก็ถือว่าราคาไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้ และเพราะมีความหนาถึง 7.5 ซม. สามารถทำให้ประหยัดพลังงาน กันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ 4-8 เท่า จึงช่วยประยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้เครื่องปรับอากาศและสามารถที่จะช่วยลดค่าไฟได้ถึง 30% ประหยัดค่าแรงงานในการก่อสร้าง ประหยัดค่าวัสดุสิ้นเปลืองเช่นปูนก่อ และ ปูนฉาบ และมีการผลิตที่มีคุณภาพมาก จึงถือว่า อิฐมวลเบาราคา ถูกกว่า และช่วยให้ประหยัดต้นทุนมากกว่าอย่างแน่นอน และมีความคุ้มค่าต่อผู้ที่กำลังคิดจะสร้างบ้านที่กำลังหาวัสดุในการทำผนังทั้งภายในและภายนอก อิฐมวลเบายังสามารถรับน้ำหนักได้ดีและไม่ทำให้หนักโครงสร้างมากจนเกินไป อิฐมวลเบาขนาด 7 Cm. อิฐมวลเบาขนาด 7.5 Cm. [products tag=”อิฐมวลเบา […]

4 เหตุผลที่ควรเลือกอิฐมวลเบาในการสร้างบ้าน อิฐมวลเบาเป็นอิฐสำหรับก่อสร้างบ้านซึ่งมีการพัฒนาจากอิฐในรูปแบบเดิม โดยอิฐมวลเบาได้รับความนิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือผู้ที่เลือกสร้างบ้านด้วยตนเอง แต่ก่อนจะทำการสร้างบ้าน เจ้าของบ้านควรพิจารณาว่าอิฐมวลเบาเหมาะสำหรับบ้านของคุณหรือไม่ 1.อิฐมวลเบาสามารถทนไฟ-ความร้อนได้มากกว่า อิฐมวลเบาผลิตจากผลิตจากปูนซีเมนต์รวมกับส่วนผสมทางเคมี และผงโลหะ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิสูง ซึ่งอิฐมวลเบาสามารถทนความร้อนได้ถึง 40 องศาเซลเซียส ทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านที่สร้างจากอิฐชนิดนี้รู้สึกเย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว แม้สภาพอากาศภายนอกจะร้อนเพียงใดก็ตาม 2.อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบา และประหยัดค่าโครงสร้างของบ้าน อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังรับแรงกดได้ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าอิฐมวลเบาประกอบด้วยฟองอากาศจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เพราะใช้โครงสร้างเล็กลงกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเสา คาน การเทพื้น เป็นต้น 3.อิฐมวลเบามีขนาดใหญ่ สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว ด้วยขนาดของอิฐมวลเบาที่กว้าง 4 นิ้ว ยาว 9 นิ้ว หนา 7 เซนติเมตรโดยประมาณ ทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างง่ายดาย และใช้เวลาในการก่อสร้างที่รวดเร็วขึ้น เจ้าของบ้านจึงสามารถประหยัดค่าแรงในการจ้างช่างก่อสร้างสร้างได้ 4.มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ด้วยความที่อิฐมวลเบาสร้างจากปูนซีเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิปซั่ม ทำให้อายุการใช้งานของอิฐชนิดนี้ยาวนานถึง 50 ปี หรือเทียบเท่ากับโครงสร้างคอนกรีต ด้วยเหตุผลทั้งสี่ประการนี้คงทำให้เจ้าของบ้านตัดสินใจได้ว่า อิฐมวลเบาเหมาะสำหรับบ้านของคุณ […]

อิฐมวลเบา ผลิตต่าง คุณภาพต่าง กรรมวิธีการผลิตให้ได้มาซึ่งอิฐมวลเบานั้นมีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน มีความต่างกันอยู่มากทั้งทางด้านราคา และคุณภาพ ความทนทาน หรือสภาพในการใช้งาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ในรูปแบบของการก่อสร้างต่าง ๆ แต่สำหรับอิฐมวลเบาที่ผลิตต่างกันจะให้คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันโดย การผลิตของอิฐมวลเบาจะมีอยู่สองรูปแบบ คือ อิฐมวลเบาที่ไม่ผ่านขั้นตอนของการอบไอน้ำ ซึ่งจะแยกออกเป็นสองประเภท เช่น กันคือ ประเภทแรก มีการใช้ตั้งแต่ขี้เลื่อย ขี้เถ้า เม็ดโฟม ชานอ้อย และอื่น ๆ มารวมกัน แม้ข้อดีคือเป็นอิฐที่มีก้อนน้ำหนักเบา ขนได้ง่าย แต่ข้อเสียก็คือ เสื่อมสภาพได้ค่อนข้างเร็วมาก ประเภทที่สองคือ อิฐมวลเบา ที่ถูกผลิตจากสารเคมี ซึ่งจะทำให้เนื้อก้อนของอิฐมีลักษณะพองฟู แต่ข้อเสียก็คือ จะแตกได้ค่อนข้างง่ายและหดตัวเร็วอีกด้วย เรียกได้ว่าคอนกรีตประเภทนี้ หากดูภายนอกแล้วจะมีสีเป็นสีของปูนซีเมนต์อย่างเด่นชัด รูปแบบที่สอง คือการผลิตอิฐมวลเบาในขั้นตอนที่ผ่านการอบไอน้ำความดันสูง จะมีลักษณะภายนอกที่เห็นเด่นชัดคือ เนื้อเป็นผลึกขาว โดยในการผลิตแบบที่สองนี้ ก็จะแบ่งเป็นสองลักษณะด้วยกันคือ การใช้ปูนขาวเป็นหลักในการผลิต มีข้อเสียคือ ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งก้อน ทว่าในรูปแบบที่สองคือการใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ในการผลิต ทำให้เกิดความสม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลิตมา ส่งผลให้มีความทนทานมากขึ้น ฉะนั้นการจะเลือกอิฐมวลรวมชนิดใดไปไว้เพื่อการใช้งานก็ควรต้องพิจารณาดูจากการผลิตและส่วนประกอบในการผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งจะนำมาสู่คุณภาพและการใช้งานที่ยาวนนาน ส่วนราคาก็จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพ อิฐมวลเบาขนาด 7 Cm. […]

  เปรียบเทียบอิฐมวลเบา CLC และ AAC อิฐมวลเบาโดยทั่วไปอาจแบ่งตามกระบวนการผลิตได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ชนิดไม่อบไอน้ำ  (Cellular Lightweight Concrete:CLC) และ ชนิดอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง  (Autoclave Aerated Concrete: AAC) มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้ อิฐมวลเบาชนิดไม่อบไอน้ำ CLC มีคุณสมบัติความเป็นฉนวน ได้แก่ ฉนวนกันความ ร้อน กันเสียง และกันความชื้น วัตถุดิบในการผลิตประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ ทราย น้ำ สารก่อฟองคุณภาพสูง ทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กมากที่มีความเสถียรและแทรกตัวอยู่ในเนื้อคอนกรีต ทำให้มีน้ำหนักเบา เนื้อผลิตภัณฑ์มักจะมีสีเทา ข้อดีคือ อัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่าอิฐมวลเบา AAC จึงลดปัญหาความชื้นและเชื้อรา การก่อสร้างง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากใช้ปูนทรายธรรมดาในการก่อฉาบได้ จึงประหยัดค่าก่อสร้างมากกว่า มีความแข็งแรงทนทานต่อการกระแทกหรือการขูดขีดได้ดี สามารถเจาะฝังพุกยึดแขวนอุปกรณ์เครื่องใช้และรูปภาพได้ ขณะเดียวกันยังกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ ช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศ ส่วนจุดด้อยคือ คอนกรีตมีการหดตัวมากกว่า ทำให้ปูนฉาบแตกร้าวได้ง่าย หากช่างปูนมีความชำนาญ ปัญหานี้ก็จะหมดไป อิฐมวลเบาชนิดอบไอน้ำ AAC […]

สร้างบ้านสวยด้วยอิฐมวลเบา คือที่อยู่อาศัยแบบถาวร การก่อสร้างจึงต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมาก  อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์ก็ต้องเป็นของที่มีคุณภาพเพื่อทำให้บ้านที่ก่อสร้างออกมามีความสวยงามและคงทน อยู่อาศัยแล้วรู้สึกปลอดภัย ร่มเย็น มีความทนทานต่อสภาพน้ำท่วมขัง เนื่องจากปัจจุบันอุทกภัยนั้นเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งมากขึ้น ในอดีตมีทางเลือกด้านวัสดุก่อสร้างไม่มากเท่าไหร่นัก ผู้รับเหมาหรือเจ้าของบ้านจึงเลือกวัสดุนำมาสร้างบ้านที่มีขอบเขตค่อนข้างจำกัด แต่ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการแข่งขัน ก่อให้เกิดวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ที่มีความก้าวล้ำด้านการใช้งานที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น วัสดุก่อสร้างยุคใหม่ที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างสูง อย่างเช่น อิฐมวลเบา วัสดุที่ช่วยให้การก่อสร้างรวดเร็วขึ้น ด้วยขนาดที่พอเหมาะต่อการก่อสร้าง  มีความทนทานสูง สามารถรับแรงกระแทกได้ดี มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนในตัว  อีกทั้งยังป้องกันน้ำท่วมซึมเข้ามาในตัวบ้านได้เป็นอย่างดี การก่อสร้างบ้านในสมัยนี้จึงมักจะนิยมเลือกใช้อิฐมวลเบามากกว่าอิฐชนิดอื่น คนมักมองว่างานก่อสร้างเป็นงานที่ต้องใช้เวลายืดเยื้อยาวนาน และมักยึดติดกับระยะเวลายาวนานนั้น เพราะคิดเอาเองว่าการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลานานๆจะช่วยทำให้บ้านมีความทนทานและแข็งแรงมากขึ้น ความคิดนี้เหล่านี้ถูกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เพราะในปัจจุบันการก่อสร้างที่มีมาตรฐานไม่ใช่การใช้ระยะเวลายาวนาน แต่ขึ้นอยู่กับฝีมือในการทำงานและการเลือกวัสดุที่ดีมาใช้ต่างหาก เมื่อวัสดุมีความเป็นมาตรฐาน จะส่งผลให้การก่อสร้างเสร็จได้ไวยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเลือกใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างที่ช่วยให้การก่อสร้างทำได้รวดเร็ว สะดวก เนื่องจากความเบาของอิฐมวลเบาที่ช่วยให้ช่างสามารถทำงานได้คล่องแคล่ว ความเรียบของอิฐมวลเบาที่ช่วยให้การฉาบปูนทำได้ง่าย เก็บงานได้เนี้ยบกว่า ซึ่งเป็นที่มาของเหตุผลที่ว่าทำไมคนจึงหันมาเลือกอิฐมวลเบาในการสร้างบ้านสวยๆกันมากยิ่งขึ้น อิฐมวลเบาขนาด 7 Cm. อิฐมวลเบาขนาด 7.5 Cm.

สร้างบ้านอย่างคุ้มค่าด้วยอิฐมวลเบา ย่อมมีการตั้งงบประมาณเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าบ้านหลังหนึ่งจะต้องใช้เงินในการก่อสร้างเท่าไหร่ การประมาณการก่อสร้างนี้เพื่อไม่ให้งบประมาณนั้นบานปลาย ปัจจุบันมีความนิยมนำอิฐมวลเบาเข้ามาเป็นวัสดุเพื่อสร้างบ้านหรืออาคารมากยิ่งขึ้น แม้ราคาอิฐมวลเบาจะมีราคาที่สูงกว่าอิฐชนิดอื่นเป็นเท่าตัวแต่การใช้อิฐมวลเบาในงานก่อสร้างจะช่วยประหยัดเวลาในการสร้าง  อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าอุปกรณ์ส่วนอื่นลงด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลหลักๆนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือเจ้าของบ้านจึงเลือกใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างบ้านเป็นส่วนใหญ่ ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม , อพาร์ทเมนต์ , บ้านเดี่ยวในโครงการบ้านจัดสรร ผู้รับเหมาในปัจจุบันมักจะเลือกใช้อิฐมวลเบาเพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบโครงสร้างอาคารทั้งสิ้น อิฐมวลเบาใช้ในการก่อสร้าง ปริมาณการใช้อิฐมวลเบาต่อตารางเมตรอยู่ที่ 18 ก้อน ราคาต่อก้อนอยู่ที่ 14.25 บาท นั้นหมายความว่า ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตรท่านจะต้องใช้เงินสำหรับค่าก้อนอิฐมวลเบาทั้งหมด 256 บาทกว่า หากเทียบกับราคาของอิฐมอญที่มีราคาต่อหน่วยถูกกว่านั้น การลงทุนระหว่างอิฐมวลเบากับอิฐมอญจะมีเหรทราคาอยู่ในระดับเดียวกันเพราะการก่อสร้างด้วยอิฐมอญต้องก่อสร้างถึง 2 ชั้น แต่การใช้อิฐมอญจะกินเวลาในการก่อสร้างมากกว่าเนื่องจากต้องทำการก่ออิฐที่มากก้อนกว่าเพื่อให้ได้พื้นที่ 1 ตารางเมตรและขนาดของก้อนอิฐจะไม่ได้มาตรฐานเท่าอิฐมวลเบา การฉาบให้เรียบจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากกว่าจะต้องใช้แรงงานที่มีฝีมือและประสบการณ์สูง ค่าจ้างค่าแรงจึงสูงตามฝีมือไปด้วย ผู้รับเหมาหรือเจ้าของบ้านที่หันมาเลือกใช้อิฐมวลเบามากขึ้นด้วยประการสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ งานก่อสร้างที่ใช้อิฐมวลเบาก่อนั้นจะช่วยทำให้งานเสร็จไวขึ้น ความไวของงานจะช่วยลดภาระค่าแรงคนงานลงได้อีกมาก ซึ่งค่าแรงคนงานนั้นเป็นต้นทุนหนักและควบคุมได้ยากในการทำงานก่อสร้าง ดังนั้นการเลือกอิฐมวลเบาในการก่อสร้างจึงให้ความรวดเร็วมากกว่าจึงส่งผลทำให้งบประมาณควบคุมได้ง่ายกว่า ส่วนในเรื่องความแข็งแรงทนทานอิฐมวลเบาอาจจะด้อยกว่าอิฐมอญอยู่บ้างเล็กน้อยในกรณีที่ต้องการใช้ผนังเพื่อรองรับสิ่งของหนัก ซึ่งวิธีแก้ไขเรื่องความเบาของผนังนั้นง่ายมาก เพียงเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์หรือชั้นวางของแทนการใช้ผนังในการยึดติดชั้นวางสิ่งของ ก็จะช่วยให้ผนังอิฐมวลเบามีอายุการใช้งานตามปกติ อิฐมวลเบาขนาด 7 Cm. อิฐมวลเบาขนาด 7.5 Cm.

กว่าจะเป็นอิฐมวลเบา ปัจจุบันนี้ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการต่อเติมบริเวณบ้านมากขึ้นและอิฐมวลเบาคือตัวเลือกต้น ๆ ที่ผู้รับเหมานำมาใช้ หากดูจากลักษณะภายนอก อิฐมวลเบาแต่ละแบบมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้ง ๆ ที่ราคาและคุณภาพไม่ได้ใกล้กันเลย โดยคุณภาพจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการผลิตที่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ประกอบด้วยระบบที่ไม่มีการอบไอน้ำด้วยความดันสูง และ ระบบอบไอน้ำด้วยความดันสูง ทั้งนี้ ระบบที่ไม่มีการอบไอน้ำด้วยความดันสูง ยังสามารถแตกออกได้อีก 2 ประเภท โดยประเภทแรกจะเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่ามาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็น ขี้เถ้า ขี้เลื่อย เม็ดโฟม หรือแม้แต่ชานอ้อย ซึ่งวัสดุประเภทนี้ แม้จะมีข้อดีที่ช่วยให้คอนกรีตมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่กลับมีอายุการใช้งานที่สั้นและเปลี่ยนสภาพค่อนข้างไว อีกทั้งผู้อยู่อาศัยอาจจะเสี่ยงได้รับสารพิษอีกด้วย ส่วนแบบที่สองนั้น จะเลือกใช้สารเคมีเพื่อให้เนื้อสัมผัสของคอนกรีตพองขึ้นก่อนแล้วปล่อยไว้ให้เซตตัว จึงส่งผลกระทบต่อตัวคอนกรีตเพราะจะหดตัวสูงกว่า เมื่อนำไปฉาบปูนก็จะพบรอยแตกร้าวอยู่บ่อยครั้ง ไม่คงทน ดังนั้น คอนกรีตส่วนใหญ่ที่ใช้กระบวนการผลิตลักษณะนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์จึงออกเป็นสีคล้ายปูนซีเมนต์ ตรงกันข้ามกับคอนกรีตใช้ไอน้ำเป็นส่วนหนึ่งในการผลิต เพราะแบบนั้นจะได้เนื้อผลิตภัณฑ์ในรูปผลึกสีขาว ส่วนการผลิตวิธีอบไอน้ำจากความดันสูงนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ แบบแรกเป็นการนำปูนขาวมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งการผลิตแบบนี้ควบคุมการผลิตไม่ได้ง่าย ๆ ส่งผลให้คุณภาพคอนกรีตไม่คงที่และน้ำยังดูดซึมมากอีกด้วย ข้อบกพร่องที่มักจะพบก็คือ การดูดซึมความชื้นจากปูนฉาบทำให้ผนังแตกร้าวได้ ถัดมาในแบบที่สอง จะเลือกปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ข้อดีของอิฐมวลเบากลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คอนกรีตมีมาตรฐานคงที่เท่านั้น แต่ยังช่วยเรื่องการตกผลึกภายในเนื้อคอนกรีต […]

อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้ ด้วยความที่อิฐมวลเบามีคุณสมบัติพิเศษในการทนความร้อนได้ดีกว่าอิฐชนิดอื่น ๆ และมีขนาดที่เท่ากันทุกก้อน ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังจะสร้างบ้านคงกำลังชั่งใจอยู่ว่าราคาของอิฐมวลเบาคุ้มค่าหรือไม่ หากจะใช้ในการก่อสร้างบ้านของคุณ ซึ่งวันนี้เราจะนำข้อมูลดี ๆ ในการก่อสร้างบ้านด้วยอิฐมวลเบามาฝากคุณแล้ว อิฐมวลเบากับราคาต่อก้อน ส่วนใหญ่แล้วอิฐมวลเบาจะมีขนาดใหญ่ ทำให้ราคาอิฐมวลเบาต่อก้อนสูงตามขึ้นไปด้วย ซึ่งราคาอิฐมวลเบาต่อก้อนในปัจจุบันจะอยู่ที่ 14 บาท ถึง 17 บาท แม้ราคาต่อก้อนจะมองว่าแพงแต่ก็คุ้มค่าสำหรับการใช้งานอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าอิฐมวลเบามีน้ำหนักโดยรวมที่เบากว่าอิฐมอญซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการวางโครงสร้างฐานที่รองรับอิฐมวลเบานั่นเอง อิฐมวลเบากับระยะเวลาในการก่อสร้าง ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าอิฐมอญ จะช่วยให้การก่อสร้างบ้านของคุณเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังใช้เวลาเก็บรายละเอียดของงานไม่นานเท่ากับอิฐมอญอีกด้วย ระยะเวลาที่น้อยจะช่วยตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าแรงในการก่อสร้าง ประหยัดพลังงาน..คุ้มค่า บ้านที่สร้างด้วยอิฐมวลเบา จะสามารถระบายความร้อนได้ดี อีกทั้งยังกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีอีกด้วย ทำให้คุณสามารถประหยัดค่าไฟรายเดือน ลดการเปิดเครื่องปรับอากาศ เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง ด้วยหลากหลายเหตุผลจากข้อดีของอิฐมวลเบา คงทำให้คุณตัดสินใจได้แล้วว่าคุณจะเลือกวัสดุก่อสร้างแบบใดให้คุ้มค่าและเหมาะกับบ้านที่คุณรักมากที่สุด อิฐมวลเบาขนาด 7 Cm. อิฐมวลเบาขนาด 7.5 Cm.